ลดความชื้นในห้อง

ปัญหาห้องอับชื้นและความชื้นสะสม เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านหลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน หากปล่อยไว้นานอาจส่งปัญหาต่อสุขภาพ และโครงสร้างบ้านได้ ดังนั้นการลดความชื้นในห้อง ไม่เพียงช่วยให้บ้านน่าอยู่ขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา กลิ่นอับ และปัญหาสุขภาพในระยะยาวของคนในบ้าน

บทความนี้เราจะมาพูดถึงความสำคัญของวิธีไล่ความชื้นในห้อง ที่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเองว่าใช้อะไรดูดความชื้นในห้องได้บ้าง รวมถึงผลกระทบของบ้านที่สะสมความชื้นต่อสุขภาพและตัวบ้านที่ต้องรู้



ห้องชื้นเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง ? 

ก่อนที่เราจะไปหาแนวทางเพื่อลดความชื้นในห้อง เราต้องมาเข้าใจก่อนว่าปัญหาความชื้นต่าง ๆ เกิดจากอะไร ไม่ว่าจะความชื้นในห้องนอน หรือความชื้นในห้องครัว ซึ่งปัญหาความชื้นเกิดได้จากปัจจัยต่าง ๆ ของบ้าน ดังนี้ 

  1. การระบายอากาศไม่เพียงพอ ไม่มีช่องลมสำหรับระบายอากาศ หรือแสงแดดเข้าถึงไม่เต็มที่
  2. ฝนสาดใส่บริเวณตัวบ้าน เกิดความชื้นสะสมในผนังอาคาร
  3. ระบบระบายน้ำภายในบ้านไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้การดูดซึมน้ำในดินมีปัญหา
  4. เกิดความชื้นสะสม จากบริเวณห้องน้ำหรือห้องซักล้าง
  5. เกิดน้ำท่วมขังบริเวณบ้าน จนทำให้น้ำซึมเข้ามาในตัวบ้าน

5 วิธีลดความชื้นในห้อง ง่าย ๆ ทำได้เอง

ระบายความชื้นในห้องนอน

หากใครที่กำลังเผชิญปัญหาห้องอับชื้น วิธีแก้ก็สามารถทำได้ทั้งการดำเนินการด้วยตนเอง จากการเปลี่ยนพฤติกรรม และการใช้อุปกรณ์มาช่วยลดความชื้นในห้อง โดยวิธีการต่าง ๆ มีดังนี้

1. หมั่นระบายอากาศ ด้วยการเปิดหน้าต่าง

การเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ถือว่าเป็นวิธีลดความชื้นในห้องลำดับแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แถมยังเป็นวิธีทำให้ห้องเย็นแบบธรรมชาติ โดยการเปิดหน้าต่างจะช่วยลดการสะสมความชื้นในห้อง ยิ่งเปิดหน้าต่างในช่วงมีแดด แสงแดดจะเข้ามาช่วยลดความชื้นในห้องได้ดียิ่งขึ้น

2. ตากผ้ากลางแจ้ง 

การตากผ้าภายในบริเวณบ้าน อาจเป็นการสะสมความชื้นภายในบ้านโดยไม่รู้ตัว ควรตากผ้าในพื้นที่กลางแจ้ง เพื่อให้ผ้าที่ตากได้รับแสงแดดเต็มที่ แห้งเร็วขึ้น และลดความชื้นภายในบ้านให้น้อยลง

3. หมั่นรักษาความสะอาดภายในบ้าน

อีกหนึ่งวิธีแก้ห้องอับชื้นภายในบ้าน คือการหมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการ ปัด กวาด เช็ด และถูพื้นในบริเวณที่อาจมีคราบน้ำบนพื้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการสะสมความชื้นได้ รวมถึงการล้างห้องน้ำเป็นประจำเพื่อป้องกันเชื้อรา และทำให้เกิดสุขอนามัยที่ดีภายในบ้าน

4. แก้ไขรอยรั่วภายในบ้าน 

หมั่นตรวจหารอยรั่วต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรอยรั่วที่ท่อน้ำ รอยแตกของผนัง และรอยรั่วของท่อแอร์ เพื่อดำเนินการซ่อมแซมโดยทันที เพราะรอยรั่วภายในบ้านอาจเป็นสาเหตุของการสะสมความชื้นภายในห้องได้ 

5. ใช้สารดูดความชื้น

สารดูดความชื้นเป็นสิ่งที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านสะดวกซื้อ โดยการใช้จะเป็นการนำสารไปวางตามจุดต่าง ๆ ที่มีความชื้นสะสม เช่น มุมห้อง, ตู้เสื้อผ้า, ห้องเก็บเสียง หรือห้องเก็บของ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความชื้นแล้ว ยังลดการเกิดเชื้อรา และกลิ่นอับได้อีกด้วย


ปล่อยให้ห้องชื้นส่งผลเสียอย่างไรบ้าง ?

หากเจ้าของบ้านละเลย ไม่มองหาวิธีลดความชื้นในห้องนอน ในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย รวมถึงโครงสร้างของบ้านได้ โดยผลเสียของการละเลยการลดความชื้นในห้อง มีดังนี้

  1. โรคระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท หากห้องเกิดการสะสมความชื้นเป็นเวลานาน จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ น้ำมูกไหล นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้ตาแห้ง ระคายเคือง
  2. โรคภูมิแพ้ หากสะสมความชื้นนาน จะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา รวมถึงสิ่งสกปรก จนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ และระบบทางเดินหายใจได้
  3. ความเสียหายต่อโครงสร้างบ้าน ความชื้นสะสมจะส่งผลให้เสียต่อโครงสร้างของบ้านเสื่อมโทรม เสี่ยงต่อการเกิดบ้านทรุด หรือผุพังได้ง่ายขึ้น 
  4. เกิดเชื้อราบนผนัง เนื่องจากความชื้นสะสม จนเกิดเป็นเชื้อราตามบริเวณต่าง ๆ ในบ้าน เช่น เพดาน ฝ้าขึ้นรา และเฟอร์นิเจอร์ ทำให้บ้านดูไม่สวยงาม ไม่น่าอยู่

แนวทางป้องกันความชื้นในห้องให้ได้ผลระยะยาว 

ป้องกันความชืนห้องนั่งเล่น

ปัญหาความชื้นภายในบ้านเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ก็มีแนวทางการป้องก้นความชื้นภายในบ้านที่สามารถทำได้เอง เพื่อลดความชื้นในห้องระยะยาว โดยมีวิธีการดังนี้ 

  1. ติดกันสาดกันฝน หรือทำหลังคาที่ยื่นออกไปตามบริเวณที่อาจมีฝนสาดเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อให้ฝนสาดเข้าตัวบ้านน้อยลง รวมถึงลดความชื้นผนังบ้านลงไปด้วย
  2. ใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติดูดซับความชื้น อาจเป็น ถ่านไม้ เกลือ หรือข้าวสาร นำไปวางบริเวณที่เป็นมุมอับชื้น 
  3. ใช้เครื่องดูดความชื้น เป็นวิธีลดความชื้นในห้องแอร์ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยเครื่องลดความชื้นจะทำหน้าที่ช่วยดูดซับความชื้นในอากาศในเวลาที่รวดเร็ว เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องนอนที่ติดกับห้องน้ำ เป็นต้น 
  4. ใช้ Weatherbloc ที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำโดยเฉพาะ เลือกเปลี่ยนฝ้าเพดานด้วยการใช้แผ่นยิปซั่มที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยดูดซึมน้ำได้ดี โดยแผ่น Weatherbloc เป็นยิปซั่มทนชื้น ช่วยให้มั่นใจได้ว่าฝ้าเพดาน และฝ้าผนังจะไม่สะสมความชื้น สามารถทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ไม่บวม ไม่ขึ้นรา แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง

ลดความชื้นในห้องอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยยิปซัมตราช้าง

โดยสรุปแล้ว การลดความชื้นในห้องไม่ใช่เรื่องยาก หากใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ตากผ้ากลางแจ้ง รักษาความสะอาด หรือใช้สารดูดความชื้นในจุดที่มีการสะสม ปัญหาความชื้นก็จะลดลงได้มาก 

แต่สำหรับใครที่ต้องการป้องกันในระยะยาว หรือรีโนเวทบ้าน ควรเสริมด้วยการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติกันชื้นและทนทานต่อทุกสภาพอากาศ เช่น แผ่นยิปซัมตราช้าง รุ่น Weatherbloc ที่ผสมสารช่วยลดความชื้น และเคลือบแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ด้านหลัง ช่วยทั้งกันความร้อนและกันน้ำ ได้มาตรฐาน ติดตั้งง่าย พื้นผิวเรียบสวยไร้รอยต่อ ทำให้บ้านแข็งแรง ดูดี ไร้กังวลเรื่องความชื้นในอนาคต

หาซื้อผลิตภัณฑ์ที่สนใจได้ที่ร้านผู้แทนจำหน่ายเอสซีจีและร้านขายวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วประเทศ หรือค้นหาข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่