green building

ภาวะโลกร้อนไม่ใช่สิ่งไกลตัวอีกต่อไป ทำให้ในปัจจุบันเกิดแนวคิดที่สนับสนุนให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น หนึ่งในแนวคิดที่กำลังได้รับความนิยมคือ Green Building หรืออาคารสีเขียว ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการออกแบบที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน 

อาคารสีเขียวจึงกลายมาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน บทความนี้จะชวนทุกคนมารู้จักว่า Green Building คืออะไร รวมถึงเกณฑ์การประเมิน และความสำคัญของอาคารสีเขียวต่อสิ่งแวดล้อม หากพร้อมแล้วไปดูกัน!



Green Building คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร?

Green Building หรือ อาคารสีเขียว คือแนวคิดแบบองค์รวมในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ตึก หรืออาคารใด ๆ ก็ตาม ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพตลอดวงจรชีวิตของอาคาร ซึ่งแนวคิด Green Building เริ่มต้นจากการเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นสามารถส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติรวมถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาคาร อาคารสีเขียวจึงเป็นความพยายามที่จะขยายผลเชิงบวกและลดผลกระทบเชิงลบเหล่านี้ตลอดวงจรชีวิตของอาคาร 

ทั่วไปแล้ว อาคารสีเขียวจะหมายถึงการวางแผน ออกแบบ ก่อสร้าง การดำเนินการ และการบำรุงรักษาอาคารที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีข้อพิจารณาสำคัญหลายประการ อาทิ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ, ลดการใช้น้ำ, คุณภาพของสิ่งแวดล้อมภายในอาคารที่ดี, ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือลดผลกระทบของอาคารที่มีต่อที่ตั้ง เป็นต้น โดยต้องสามารถเพิ่มประสิทธิภาพตามธรรมชาติของพื้นที่ก่อสร้างให้ได้สูงสุด พร้อมกับสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อผู้ใช้อาคารทุกคนอย่างเหมาะสม 

Green Building สามารถลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับอาคารทั่วไป จึงมีความจำเป็นในระดับโลกในการช่วยผลักดันแนวคิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับมหภาค พร้อมกับเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด และมีส่วนสนับสนุนต่อสุขภาพของมนุษย์ที่ดีขึ้น


เกณฑ์ใดบ้างที่บ่งบอกว่าเป็น Green Building?

อาคาร สีเขียว

การที่อาคารหลังหนึ่งจะเป็น Green Building ได้นั้น จำเป็นต้องผ่านเกณฑ์การประเมินหลายด้านจากสถาบันหรือองค์กรที่กำกับดูแล เพื่อให้มั่นใจว่าอาคารมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการออกแบบและการก่อสร้างตรงตามมาตรฐานที่กำหนดในแต่ละประเทศ สำหรับในประเทศไทยจะใช้เกณฑ์การประเมินที่เรียกว่า TREES ของสถาบันอาคารเขียวไทยเป็นตัวชี้วัด โดยจะมีการประเมินใน 8 ด้าน ดังนี้

1. การบริหารจัดการอาคาร (Building Management)

เป็นหลักเกณฑ์การประเมินที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการตัวอาคาร โดยต้องเริ่มตั้งแต่การจัดตั้งคณะทำงานและจัดทำแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การประเมิน Green Building วางแผนประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับทราบผ่านสื่อต่าง ๆ จัดทำคู่มือการใช้งานและดำเนินการจัดฝึกอบรมสำหรับระบบที่มีความสำคัญ มีการติดตามผลและประเมินผลกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ และวางแผนระยะยาวสำหรับดำเนินโครงการอาคารสีเขียวตั้งแต่เริ่มแรก

2. ผังบริเวณและภูมิทัศน์ (Site and Landscape)

การประเมินผังบริเวณและภูมิทัศน์เป็นหลักเกณฑ์สำคัญสำหรับการประเมินอาคาร Green Building ซึ่งการจะเป็นอาคารสีเขียวได้ อาคารหลังนั้นต้องมุ่งเน้นลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว พร้อมกับมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่เปิดโล่งเชิงนิเวศอย่างเหมาะสมและพอเพียง โดยภายในโครงการต้องมีต้นไม้ยืนต้น 1 ต้นต่อพื้นที่เปิดโล่ง 100-200 ตารางเมตร มีการใช้พืชพรรณพื้นถิ่นที่เหมาะสม มีการบริหารจัดการปัญหาซึมน้ำและลดปัญหาน้ำท่วม รวมถึงการลดปรากฏการณ์เกาะความร้อนในเมืองจากการพัฒนาโครงการ นอกจากนี้ยังต้องมีการจัดสวนบนหลังคาหรือสวนแนวตั้ง มีพื้นที่ดาดแข็งที่รับรังสีตรงจากดวงอาทิตย์ไม่เกินร้อยละ 50 ของพื้นที่ดาดแข็งโครงการ และต้องจัดให้มีการดูแลและบำรุงรักษาพื้นที่ภายนอกอาคารและภูมิทัศน์อย่างเหมาะสม

3. การประหยัดน้ำ (Water Conservation)

อาคาร Green Building ต้องมีการกำหนดนโยบายด้านการประหยัดน้ำอย่างชัดเจนและจริงจัง มีการบริหารจัดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้น้ำฝนซึ่งสะอาดและไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาระในการผลิตน้ำประปาและลดภาระในการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสีย เน้นการใช้สุขภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติประหยัดน้ำ พิจารณาการใช้อุปกรณ์ควบคุมการเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติ รวมถึงลดการใช้น้ำในขณะก่อสร้างให้มากที่สุด ตลอดจนมีการออกแบบ วางแผน และก่อสร้างระบบประปาที่ดีให้กับตัวอาคาร

4. พลังงานและบรรยากาศ (Energy and Atmosphere)

อาคาร Green Building ต้องมีการสำรวจอาคารและวางแผนพัฒนาการอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่การกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการใช้พลังงานของอาคาร ส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพและนโยบายการอนุรักษ์พลังงานในอาคารให้สูงกว่าอาคารทั่วไป สามารถผลิตพลังงานทดแทนได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 0.5-3.5 ของพลังงานในอาคาร ไม่ใช้สาร CFC และ HCFC-22 ที่ทำลายชั้นบรรยากาศ มีระบบ BMS ที่สามารถบันทึกข้อมูล สถิติ และควบคุมการทำงานระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ ระบบแสงสว่าง รวมถึงมีระบบบริหารควบคุมและจัดการพลังงานอาคารเพื่อส่งเสริมการบริการจัดการและอนุรักษ์พลังงานด้วยการบันทึกข้อมูลการพลังงานตามระบบ

5. วัสดุและทรัพยากร (Materials and Resources)

อาคาร Green Building ต้องจัดทำนโยบายการจัดซื้อที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและวางแผนประชาสัมพันธ์ให้ผู้อยู่อาศัยมีส่วนร่วมมากที่สุด ครอบคลุมตั้งแต่การจัดซื้อวัสดุอุปโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้งาน ตลอดจนมีการจัดทำนโยบายการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น มีการแยกขยะอย่างถูกต้อง หาวิธีลดขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำขยะไปใช้ประโยชน์ต่อหรือนำกลับมาใช้ใหม่

6. คุณภาพของสภาวะแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environmental Quality)

อาคาร Green Building ต้องมีคุณภาพของสภาวะแวดล้อมภายในอาคารที่ดี เช่น มีอัตราการระบายอากาศผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน มีควบคุมแหล่งมลพิษจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร มีพื้นที่สูบบุหรี่ห่างจากประตูหน้าต่างหรือช่องนำอากาศเข้าไม่น้อยกว่า 10 เมตร มีประสิทธิภาพการกรองอากาศผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างสม่ำเสมอ มีการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ มีการควบคุมแสงสว่างภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงให้ห้องที่มีการใช้งานประจำได้รับแสงธรรมชาติอย่างพอเพียง และมีการอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในส่วนที่มีการปรับอากาศที่ เหมาะสมตามมาตรฐาน

7. การป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection)

อาคาร Green Building ต้องมีการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เช่น ไม่ใช้สารฮาลอน (Halon), ซีเอฟซี (CFC) และเอสซีเอฟซี (HCFC) ในระบบดับเพลิง มีการวางตำแหน่งเครื่องระบายความร้อนห่างจากที่ดินข้างเคียง ใช้กระจกมีค่าสะท้อนแสงไม่เกินร้อยละ 30 มีการจัดทำรายงานการควบคุมโรคที่เกี่ยวข้องกับอาคาร และมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำเสียอย่างสม่ำเสมอ

8. นวัตกรรม (Green Innovation)

นวัตกรรม (Green Innovation) เป็นการเกณฑ์การประเมินที่กระตุ้นให้มีการบริหารและปรับปรุงอาคาร Green Building ให้มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่มาตรฐาน TREES กำหนดไว้ และกระตุ้นให้มีการเสนอแนวคิดเพื่อความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยเจ้าของโครงการสามารถนำเสนอเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่ใช้ในอาคารของตัวเองเพื่อเพิ่มคะแนนการประเมินได้

ดูข้อมูลการประเมินเพิ่มเติมได้ที่ :https://www.tgbi.or.th/uploads/trees/เกณฑ์%20TREES-EB_160921.pdf


ข้อดีของ Green Building 

Green Building มีข้อดีมากมายที่ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยและสังคมโดยรวม ดังนี้

  • ช่วยลดการใช้พลังงาน : Green Building ถูกออกแบบมาให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน รวมถึงพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย
  • คุณภาพอากาศดีขึ้น : Green Building มีการออกแบบและการจัดการอากาศภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ที่ไม่มีสารเคมีอันตราย ทำให้คุณภาพอากาศภายในอาคารดี ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้ใช้อาคารทุกคน นอกจากนี้รวมถึงช่วยลดผลกระทบด้านสภาพอากาศของเมืองจากการมีต้นไม้ สวน หรือพื้นที่สีเขียวช่วยฟอกอากาศ ทำให้อากาศสะอาดขึ้น 
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : Green Building เป็นอาคารที่ออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกชนิดผ่านปัจจัยต่าง ๆ บนตัวอาคาร เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การใช้ประโยชน์จากพลังงานลมและน้ำฝน การติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียน การใช้เชื้อเพลิงสะอาด รวมถึงการนำพลังงานใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น 
  • เพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ : อาคารที่เป็น Green Building มักมีมูลค่าสูงกว่าอาคารทั่วไปเนื่องจากมีการออกแบบพิเศษที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมักจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีในการก่อสร้างที่ทันสมัย รวมถึงมีระบบจัดการทรัพยากรด้านต่าง ๆ ที่ซับซ้อน ประกอบกับความต้องการอาคารสีเขียวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ทำให้ผู้ลงทุนและเจ้าของอาคารมีโอกาสได้ผลประโยชน์ที่ดีขึ้นในระยะยาว
  • ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ : อาคารที่เป็น Green Building จะมุ่งเน้นการใช้วัสดุที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีการออกแบบที่เน้นลดการใช้ทรัพยากรในการก่อสร้าง ตกแต่ง และบำรุงรักษา ในภาพรวมถึงเป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติได้มากขึ้น 
  • ช่วยส่งเสริมระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของเมือง :Green Building สามารถช่วยส่งเสริมระบบโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนใกล้เคียงหรือเมืองได้ โดยเจ้าของตึกสีเขียวสามารถบูรณาการร่วมกับภาครัฐในการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สอดคล้องกับอาคาร เช่น ป้ายรถเมล์พลังงานแสงอาทิตย์ สถานีชาร์จรถยนต์จากพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากตัวอาคาร หรือสวนสาธารณะปลอดมลพิษ เป็นต้น

การประเมิน Green Building มีหลักเกณฑ์ใดบ้าง?

Green Building ตัวอย่าง

สำหรับการประเมินว่าอาคารใดบ้างที่เป็น Green Building จะใช้ข้อกำหนดหรือหลักเกณฑ์จากองค์กรหรือสถาบันที่กำกับดูแลด้านการก่อสร้างอาคารสีเขียวโดยตรง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายองค์กรด้วยกัน โดยข้อกำหนดที่ได้รับความนิยมในการประเมิน Green Building มีดังนี้

  • LEED : Leadership in Energy and Environmental Design หรือ LEED Certification คือข้อกำหนดที่ใช้ประเมิน Green Building ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จัดตั้งขึ้นโดยสภาอาคารเขียวของสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council – USGBC) ในปี ค.ศ. 1993 ปัจจุบันถูกพัฒนามาถึง LEED v5 ซึ่งเป็นระบบการให้คะแนนแบบใหม่ล่าสุดที่จะมุ่งเน้นสู่มาตรฐานอาคาร Net Zero คือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เตรียมเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนช่วงต้นปี ค.ศ. 2025 
  • BREEAM :Building Research Establishment Environmental Assessment Method หรือ BREEAMเป็นข้อกำหนดที่ใช้ประเมิน Green Building จากองค์กร Building Research Establishment (BRE) ของสหราชอาณาจักร จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1990 และยังเป็นข้อกำหนดในการระบุความยั่งยืนของอาคารที่ถูกใช้กันมายาวนานที่สุดในโลก และมีความน่าเชื่อถือสูง 
  • EDGE :เป็นข้อกำหนดการรับรอง Green Building ที่จัดตั้งโดยบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC International Finance Corporation – IFC) ข้อกำหนดนี้มุ่งเน้นไปที่การทำให้อาคารใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นนิยมในหลายประเทศและหลากหลาย ๆ กลุ่มอาคารไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงฮอลล์สำหรับจัดนิทรรศการ 
  • Green Star Buildings :เป็นข้อกำหนดการรับรองอาคาร Green Building ที่จัดตั้งโดยองค์กร Green Building Council of Australia (GBCA) ในปี ค.ศ. 2020 ข้อกำหนดนี้จะมีการประเมินใน 8 หมวดหมู่ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอยู่อาศัย ปัจจุบันกำลังพัฒนาไปเป็นเวอร์ชัน v1.1 ที่จะมุ่งเน้นด้าน Net Zero และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น

Green Building อาคารสีเขียวเพื่อความยั่งยืน

Green Building ถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนทั้งสำหรับการอยู่อาศัยและการลดผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแนวคิด Green Building ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นอาคารขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ที่อยู่อาศัยขนาดเล็กอย่างบ้านทาวน์โฮมหรือบ้านเดี่ยวก็สามารถนำเอาแนวคิดนี้ไปปรับใช้ได้เช่นกัน โดยสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกใช้วัสดุรักษ์โลก

แผ่นยิปซัมตราช้าง ที่ได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. มากกว่า 10 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งฉลาก Carbon footprint คือฉลากที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้ผ่านการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดอายุของผลิตภัณฑ์ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ถือเป็นวัสดุที่ช่วยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ยิปซัมตราช้างที่สนใจได้ที่ร้านผู้แทนจำหน่ายเอสซีจีและร้านขายวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วประเทศ หรือค้นหาข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่


Reference

A rating tool for new buildings and major refurbishments. (n.d.). Green Building Council of Australia. https://new.gbca.org.au/green-star/rating-system/buildings/

(n.d.). BREEAM Sustainable Building Certification. https://breeam.com/

Certification. (n.d.). EDGE Buildings. https://edgebuildings.com/certify/certification/

Jacob Kriss. (2014, August 6). What is green building?. U.S. Green Building Council https://baabdd.com/articles/green-building/

LEED rating system.(n.d.). U.S. Green Building Council. https://www.usgbc.org/leed

What are green buildings?. (n.d.). Pacific Northwest National Laboratory | PNNL. https://www.pnnl.gov/explainer-articles/green-buildings