ห้องเก็บเสียง

การพักผ่อนในบ้านที่เงียบสงบเป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการ แต่ถ้าหากมีเสียงรบกวนไม่ว่าจะมาจากข้างนอกหรือข้างในบ้าน ก็จะทำให้เกิดอาการหงุดหงิดและรู้สึกความไม่สบายใจ การมีห้องเก็บเสียงจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะห้องเก็บเสียงจะช่วยกันเสียงเข้าห้อง และเก็บเสียงในห้องให้ไม่เล็ดลอดออกไป ทำให้พื้นที่ในบ้านกลายเป็นมุมสงบที่ใช้งานได้อย่างเต็มที่ และเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น



ที่มาของเสียงรบกวน เกิดจากอะไร?

เสียงรบกวนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกบ้าน มักเกิดจากปัจจัยรอบตัวที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะในเขตเมือง หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เช่น เสียงรถยนต์บนถนนใหญ่ เสียงลำโพงจากวัด โรงเรียน หรือพื้นที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงเสียงเครื่องบินหรือรถไฟที่วิ่งผ่านบริเวณใกล้เคียง 

นอกจากนี้ยังมีเสียงจากการก่อสร้างในละแวกบ้าน หรือกิจกรรมของเพื่อนบ้านที่ชอบเปิดเพลงเสียงดังและสังสรรค์เป็นประจำ หากต้องการแก้ไขปัญหาในระยะยาว การทำห้องเก็บเสียงจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม สำหรับใครที่มีการรีโนเวทบ้าน การเพิ่มห้องเก็บเสียงจะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก พร้อมควบคุมเสียงภายในไม่ให้รบกวนคนอื่น ทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่สงบ ตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น


รวม 10 วิธีที่จะทำให้ห้องเก็บเสียงได้ดีขึ้น 

วิธีทำห้องเก็บเสียง

ห้องเก็บเสียงต้องทำไงดี? อยากจะมีห้องเก็บเสียงเอาไว้ใช้สำหรับดูหนัง เล่นดนตรี ทำงาน หรือแค่นอนพักแบบไม่ถูกรบกวน แต่พอเอาเข้าจริงกลับมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาหรือเสียงจากในห้องก็ดังไปรบกวนคนอื่น ใครที่กำลังเจอปัญหาแบบนี้อยู่ แล้วไม่มีพื้นที่ทำห้องเก็บเสียงเพิ่ม ลองมาดู 10 วิธีเก็บเสียงในห้องที่ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องง้อช่างก็ทำให้ห้องเงียบขึ้นได้ ดังนี้ 

1. ปิดช่องว่างรอบประตูและหน้าต่าง

เสียงรบกวนส่วนใหญ่จะเล็ดลอดเข้ามาจากรอยต่อเล็ก ๆ ที่อาจจะไม่ทันได้สังเกต ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ห้องเก็บเสียงต้องเริ่มต้นจากการสำรวจว่าประตูหรือหน้าต่างมีรอยรั่วตรงไหนบ้าง แล้วใช้ซีลกันเสียง หรือเทปโฟมปิดให้แน่น เพื่อกันเสียงเข้าห้องและป้องกันเสียงออกจากภายใน ขั้นตอนนี้ไม่ต้องรื้ออะไรเลย เพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์ให้ถูกจุด ก็สามารถลดเสียงรบกวนได้แบบเห็นผลทันที

2. ติดตั้ง Acoustic Foam บนผนัง

ถ้าหากคุณต้องการวิธีทำห้องเก็บเสียงที่ได้ผลเร็วและชัดเจน แนะนำให้เลือกใช้แผ่น Acoustic Foam ที่สามารถติดตั้งง่ายโดยใช้กาวตะปูหรือเทปสองหน้า เหมาะกับการทำห้องเก็บเสียงที่ต้องการเน้นลดเสียงสะท้อน เช่น ห้องดูหนัง หรือห้องซ้อมดนตรี เพราะแผ่น Acoustic Foam จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับเสียงโดยไม่ต้องรื้อผนังเดิม

3. ซ่อมรอยรั่วที่ผนัง

ห้องไม่เก็บเสียงทำไงดี? ให้ลองตรวจดูว่าผนังภายในบ้านมีรอยร้าวหรือรูเล็ก ๆ อยู่หรือไม่ เพราะเสียงสามารถลอดผ่านจุดพวกนี้ได้ง่าย หากมีรอยร้าวเล็กอยู่ให้ใช้ปูนโป๊วอุด แต่ถ้าหากเป็นรอยใหญ่และรู้สึกว่าไม่สวย อาจจะใช้วอลเปเปอร์ 3D ที่นอกจากช่วยซ่อนรอยแล้ว ยังเพิ่มความหนาให้ผนัง ช่วยลดเสียง และทำให้ห้องดูสวยงามขึ้นอีกด้วย

4. ปูพรมหรือวัสดุปูพื้นแบบซับเสียง

หากใครที่อาศัยอยู่ในคอนโด เสียงจากการเดินหรือสิ่งของตกกระทบลงที่พื้นอาจรบกวนห้องชั้นล่างได้ การเลือกใช้พรมหรือแผ่นรองซับเสียงจึงเป็นตัวช่วยที่ดี โดยเฉพาะบ้านที่มีหลายชั้นหรือมีห้องอยู่ชั้นบน การปูพรมเป็นอีกหนึ่งวิธีเก็บเสียงในห้องที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้ช่างทำ และยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลให้กับพื้นห้องอีกด้วย

5. ใช้ผ้าม่านกันเสียง

ผ้าม่าน นอกจากช่วยกันแสงแดดแล้ว ผ้าม่านแบบหนาหรือผ้าม่านกันเสียงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีเก็บเสียงในห้องง่าย ๆ ที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากผ้าม่านที่มีการเสริมใยโพลีเอสเตอร์ หรือชั้นวัสดุดูดซับเสียง จะช่วยลดเสียงที่ผ่านหน้าต่างได้ดีขึ้น แถมยังช่วยให้ห้องดูอบอุ่นและเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการทำห้องเก็บเสียงด้วยตัวเอง

6. ใช้เฟอร์นิเจอร์ช่วยลดเสียง

การวางชั้นหนังสือหรือชั้นวางของแนบผนังเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ห้องเก็บเสียงได้ดีขึ้น เพราะเฟอร์นิเจอร์หนา ๆ สามารถช่วยซับเสียงไม่ให้สะท้อน และลดเสียงจากภายนอกทะลุเข้ามาได้ดี โดยเฉพาะถ้าวางชิดแนบกับผนังที่ติดกับพื้นที่เสียงดัง

7. ติดตั้งฝ้าเพดานดูดซับเสียง

เสียงที่เกิดขึ้นมาจากชั้นบนหรือลอยเข้ามาจากด้านบนอาจสร้างความรำคาญให้ไม่น้อย ดังนั้นการติดตั้งฝ้าเพดานแบบพิเศษ เช่น ฝ้ายิปซัม หรือฝ้าอะคูสติก เป็นวิธีในการทำห้องเก็บเสียงที่หลายบ้านเลือกใช้ สำหรับใครที่มีงบประมาณการทำห้องเก็บเสียงเพิ่มเติม สามารถติดตั้งคู่กับฝ้าฉนวนกันเสียงด้านบนร่วมด้วยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกันเสียงสูงสุด

8. ติดตั้งฉากหรือผนังเคลื่อนย้ายได้

หากยังไม่พร้อมรีโนเวทบ้านใหม่ทั้งหมดแบบถาวร ผนังกันเสียงแบบเคลื่อนย้ายได้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกันเสียงเข้าห้องนอนที่ใช้งานสะดวกสบายสุด ๆ โดยติดตั้งฉากหรือผนังเคลื่อนย้ายได้จากโครงสร้างที่ทำมาจากไม้อัดหรือแผ่นวัสดุเบา ๆ แล้วบุด้วยฉนวนดูดเสียงและผ้าหุ้ม จากนั้นนำไปวางบริเวณจุดที่มีปัญหาเสียงดังได้ทันที ข้อดีของวิธีนี้คือใช้งบน้อยในการทำห้องเก็บเสียง และยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามต้องการ

9. ผนังเบาแบบกั้นเสียง

บางบ้านอาจมีผนังเบาที่ดูบาง แต่ถ้าหากออกแบบด้วยโครงคร่าวที่มีฉนวนกันเสียงด้านใน และเลือกใช้แผ่นยิปซัมที่เหมาะสม ก็สามารถสร้างห้องเก็บเสียงได้ในแบบไม่ต้องทุบของเดิม ช่วยกันเสียงเข้าห้องได้ดี เหมาะกับการรีโนเวทบ้านที่ต้องการปรับเปลี่ยน เพิ่มฟังก์ชันโดยไม่ต้องรื้อโครงสร้างใหม่ทั้งหมด

10. เลือกใช้วัสดุสร้างบ้านที่ดูดซับเสียงได้ดี

ถ้าคุณกำลังวางแผนสร้างบ้านใหม่หรือรีโนเวท การเลือกใช้วัสดุสร้างบ้านอย่างผนังกั้นเสียง ที่ช่วยดูดซับเสียง จะช่วยให้ห้องเก็บเสียงมากขึ้นได้จริงแบบไม่ต้องแก้ทีหลัง นอกจากนี้ยังมีแผ่นยิปซัมกันเสียงที่มีฉนวนดูดซับเสียง หรือประตูกันเสียงโดยเฉพาะ เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น


การดูแลห้องเก็บเสียง ทำตามได้ง่าย ๆ

ห้องเก็บเสียงไม่ว่าจะถูกออกแบบมาแบบไหนก็ตาม ถ้าไม่มีการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ก็อาจทำให้คุณสมบัติและประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงลดลงได้ ซึ่งวิธีการดูแลห้องเก็บเสียง สามารถทำตามด้วยวิธีง่าย ๆ ได้ดังนี้

  • เช็กขอบยางซีลประตูหน้าต่างเสมอ

ซีลเป็นตัวป้องกันเสียง หากเกิดการเสื่อมหรือหลุดลอกควรเปลี่ยนทันที เพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดเข้าออกจากห้องกั้นเสียง

  • ทำความสะอาดแผ่นดูดซับเสียงอย่างสม่ำเสมอ

ใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือผ้าหมาดเช็ดเบา ๆ การสะสมของฝุ่นนอกจากจะลดการดูดเสียงแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราได้ด้วย

  • ตรวจสภาพแผ่นบุผนังปีละครั้ง

หากพบการบวม ยุบ หรือซีดจาง ควรซ่อมหรือเปลี่ยนทันที เพื่อให้การทำห้องเก็บเสียงยังคงคุณภาพเดิมไม่เสื่อมลง

  • หลีกเลี่ยงการติดของหนักบนผนัง

โดยเฉพาะบริเวณที่มีฉนวนกันเสียงติดอยู่ เพราะอาจทำให้วัสดุเสียรูป และลดการป้องกันเสียงของห้องไปโดยไม่รู้ตัว

  • เปิดระบายอากาศหรือใช้เครื่องฟอกอากาศเป็นระยะ

เพราะห้องแบบนี้มักอับชื้นง่าย หากมีการไหลเวียนอากาศที่ดี จะช่วยลดกลิ่นอับและยืดอายุวัสดุที่ใช้บุภายในได้


วัสดุที่นิยมใช้ทำห้องเก็บเสียง 

ทำห้องเก็บเสียง

การจะทำห้องเก็บเสียงให้ใช้ได้จริง ไม่ได้อยู่แค่ที่การออกแบบอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับประเภทเสียงรบกวนด้วย มาดูกันว่าวัสดุยอดนิยมสำหรับห้องเก็บเสียงมีอะไรบ้าง

  • Shumoplast : เป็นวัสดุเม็ดเล็กคล้ายยาง มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยดูดซับและลดเสียงรบกวนจากภายนอก เหมาะสำหรับใช้กับงานผนังในพื้นที่ที่ต้องการกันเสียงเข้าห้อง เช่น ห้องทำงาน หรือห้องประชุม
  • แผ่นอะคูสติก (Acoustic Panels) : แผ่นโฟมหรือใยแก้วที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงสะท้อนภายในห้อง ทำให้เสียงในพื้นที่มีความชัดเจน เหมาะกับห้องซ้อมดนตรี หรือสตูดิโอบันทึกเสียง
  • วัสดุไอโซปลาสต์ (Isoplast) : เป็นวัสดุโฟมหรือพอลิเมอร์น้ำหนักเบา ใช้ติดตั้งภายในผนังเพื่อกั้นเสียงและลดเสียงรบกวนจากภายนอก เหมาะกับบ้านที่ตั้งใกล้ถนนหรือพื้นที่เสียงดัง
  • ฉนวนกันเสียง : วัสดุดูดซับเสียงประเภทใยแก้ว หรือโฟมโพลียูรีเทน มักใช้ติดตั้งในผนังกั้นเสียง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกันเสียง โดยเฉพาะเมื่อทำห้องเก็บเสียง หรือรีโนเวทบ้านเพื่อกันเสียงเข้าห้อง

รีโนเวทห้องให้เก็บเสียง กันเสียงออกและเข้า ด้วยระบบผนังโซลิดวอลล์ วี 2 ตราช้าง

การมีพื้นที่เงียบสงบภายในบ้านจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก วิธีทำห้องเก็บเสียงที่ได้ผลจึงต้องเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม และติดตั้งอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผนังกั้นเสียงที่ช่วยกันเสียงเข้าห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับใครที่กำลังวางแผนสร้างหรือปรับปรุงพื้นที่ให้เงียบสงบและใช้งานได้หลากหลาย ขอแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ ระบบผนังโซลิดวอลล์ วี 2 ตราช้าง ผนังภายในที่แข็งแรงและติดตั้งง่าย ช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น พร้อมคุณสมบัติเด่นทั้งความทึบแน่นเมื่อเคาะ กันเสียงได้ดี รับน้ำหนักได้ ทนไฟ และมีความทนทานสูง เหมาะสำหรับทั้งการสร้างห้องใหม่ หรือรีโนเวทห้องเก็บเสียงที่มีประสิทธิภาพสูง

หาซื้อผลิตภัณฑ์ที่ท่านสนใจได้ที่ร้านผู้แทนจำหน่ายเอสซีจีและร้านขายวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วประเทศ หรือค้นหาข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่